แผลร้อนในปาก: สาเหตุ อาการ และการรักษา
แผลร้อนในปากเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในคนทุกวัย โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อนหรือมีความเครียด แผลเหล่านี้แม้จะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่สามารถสร้างความรำคาญและปวดเจ็บได้มาก
แผลร้อนในปากคืออะไร
แผลร้อนในปาก หรือที่เรียกทางการแพทยว่า "Aphthous ulcer" หรือ "Canker sore" เป็นแผลเปิดเล็กๆ ที่เกิดขึ้นบริเวณเยื่อบุช่องปาก มักมีลักษณะเป็นวงกลมหรือวงรี มีขอบแดง และตรงกลางเป็นสีขาวหรือเหลือง
แผลร้อนในปากมีหลายประเภท ได้แก่:
- แผลร้อนเล็ก (Minor aphthous ulcer) ขนาดเล็กกว่า 1 เซนติเมตร หายใน 1-2 สัปดาห์
- แผลร้อนใหญ่ (Major aphthous ulcer) ขนาดใหญ่กว่า 1 เซนติเมตร อาจใช้เวลาหายนานกว่า 6 สัปดาห์
- แผลร้อนแบบเฮอร์เพติฟอร์ม (Herpetiform ulcer) เป็นแผลเล็กๆ หลายตัวรวมกัน
สาเหตุของแผลร้อนในปาก
สาเหตุที่แน่ชัดของแผลร้อนในปากยังไม่ทราบแน่นอน แต่มีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง:
ปัจจัยภายใน
- ความเครียดและการนอนไม่เพียงพอ เป็นสาเหตุหลักที่พบมากที่สุด
- ภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ ทำให้ร่างกายต่อต้านการติดเชื้อได้น้อยลง
- การขาดวิตามินและแร่ธาตุ โดยเฉพาะวิตามิน B12, กรดโฟลิก, เหล็ก และสังกะสี
- ความผิดปกติของฮอร์โมน เช่น ในช่วงประจำเดือนของผู้หญิง
- ปัจจัยทางพันธุกรรม คนที่มีครอบครัวเป็นแผลร้อนในปากมักเป็นง่ายกว่า
ปัจจัยภายนอก
- การบาดเจ็บจากการแปรงฟัน หรือการกัดเนื้อในปากโดยไม่ตั้งใจ
- อาหารที่เป็นกรดหรือเผ็ดจัด เช่น มะนาว ส้ม พริก หรือเครื่องเทศ
- ความร้อนจากอาหารและเครื่องดื่ม ที่มีอุณหภูมิสูง
- การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
- ยาบางชนิด เช่น ยาแก้ปวด NSAIDs หรือยาเคมีบำบัด
อาการและลักษณะแผล
แผลร้อนในปากมีอาการที่สังเกตได้ง่าย:
อาการเริ่มต้น
- รู้สึกแสบหรือเจ็บแปร๊ด ๆ บริเวณที่จะเกิดแผล
- บริเวณนั้นอาจบวมหรือแดงเล็กน้อย
อาการเต็มที่
- แผลเปิดที่มีขอบแดง ตรงกลางเป็นสีขาวหรือเหลือง
- ปวดเจ็บ โดยเฉพาะเวลากิน พูด หรือแปรงฟัน
- บางครั้งอาจมีไข้เล็กน้อยหรือต่อมน้ำเหลืองโต
ตำแหน่งที่พบบ่อย
- ปลายลิ้น ขอบลิ้น
- เหงือกส่วนล่าง
- เนื้อในแก้ม
- ริมฝีปากด้านใน
- เพดานปาก
การรักษาและดูแล
การรักษาเบื้องต้นที่บ้าน
การบ้วนปาก
- บ้วนปากด้วยน้ำเกลือ (1 ช้อนชาต่อน้ำ 1 แก้ว) วันละ 3-4 ครั้ง
- บ้วนด้วยน้ำปูนใสหรือน้ำด่างที่เจือจาง
การปรับอาหาร
- หลีกเลี่ยงอาหารเปรี้ยว เผ็ด เค็ม และร้อนจัด
- เลือกอาหารที่นุ่ม เย็น และไม่ระคายเคือง
- ดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อรักษาความชื้นในปาก
การดูแลทั่วไป
- แปรงฟันอย่างระมัดระวัง ใช้แปรงขนนุ่ม
- พักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด
- เลิกสูบบุหรี่และลดการดื่มแอลกอฮอล์
การรักษาด้วยยา
ยาทาภายนอก
- ยาชาเฉพาะที่ เช่น Benzocaine gel
- ยาต้านการอักเสบ เช่น Triamcinolone acetonide
- ยาปฏิชีวนะทา หากมีการติดเชื้อแบคทีเรีย
ยารับประทาน
- ยาแก้ปวด เช่น Paracetamol หรือ Ibuprofen
- วิตามินและแร่ธาตุเสริม หากสงสัยว่าขาด
- ยาต้านฮิสตามีน หากเกิดจากการแพ้
เมื่อไหร่ควรพบแพทย์
คุณควรปรึกษาแพทย์หรือทันตแพทย์เมื่อ:
- แผลมีขนาดใหญ่กว่า 1 เซนติเมตร
- แผลไม่หายภายใน 2-3 สัปดาห์
- มีแผลเกิดขึ้นบ่อย ๆ (เดือนละหลายครั้ง)
- มีไข้สูงหรือต่อมน้ำเหลืองโต
- กลืนลำบากหรือปวดมาก
- แผลมีหนองหรือกลิ่นเหม็น
การป้องกัน
การดูแลสุขภาพช่องปาก
- แปรงฟันอย่างถูกวิธีด้วยแปรงขนนุ่ม
- ใช้ยาสีฟันที่ไม่มี Sodium lauryl sulfate
- บ้วนปากด้วยน้ำเกลือเป็นประจำ
- ตรวจฟันทุก 6 เดือน
การปรับพฤติกรรม
- หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดแผลร้อนใน
- ลดความเครียดด้วยการออกกำลังกายหรือทำสมาธิ
- นอนหลับให้เพียงพอ อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวัน
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ วันละ 8-10 แก้ว
การได้รับสารอาหาร
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
- เน้นผักใบเขียว ผลไม้ที่มีวิตามิน C
- รับประทานอาหารที่มีวิตามิน B complex
- หากจำเป็นอาจรับประทานวิตามินเสริม
ความเข้าใจผิดที่พบบ่อย
แผลร้อนในปากติดต่อได้ ความจริงคือแผลร้อนในปากไม่ติดต่อ แตกต่างจากแผลเปียกที่เกิดจากไวรัสเฮอร์ปีส
แผลร้อนในปากเกิดจากการร้อนในเท่านั้น จริง ๆ แล้วมีสาเหตุหลายอย่าง ความเครียดและภูมิคุ้มกันอ่อนแอเป็นสาเหตุสำคัญ
ใช้เกลือโรยแผลจะหายเร็ว วิธีนี้จะทำให้เจ็บมากขึ้นและอาจทำให้แผลอักเสบหนักขึ้น ควรบ้วนด้วยน้ำเกลือแทน
สรุป
แผลร้อนในปากเป็นปัญหาที่รำคาญแต่สามารถจัดการได้ การดูแลที่ถูกต้องคือการพักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด หลีกเลี่ยงอาหารระคายเคือง และรักษาสุขอนามัยช่องปากให้ดี หากแผลรุนแรงหรือเกิดขึ้นบ่อย ๆ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม
การป้องกันยังคงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ด้วยการใส่ใจดูแลสุขภาพโดยรวมทั้งร่างกายและจิตใจ เราจะสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดแผลร้อนในปากได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น